วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การแปรของวรรณยุกต์โทในภาษาไทยกรุงเทพฯ ตามกลุ่มอายุ

การแปรของวรรณยุกต์โทในภาษาไทยกรุงเทพฯ ตามกลุ่มอายุ
Variation Of The Falling Tone In Bangkok Thai By Age Groups


เสียงวรรณยุกต์เพี้ยนคืออะไรทำไมนักวิชาการจึงรณรงค์เรื่องนี้เยอะจัง ?



              ในปัจจุบันมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า มีการเปลี่ยนแปลงของวรรณยุกต์ โดยเฉพาะในเด็กรุ่นใหม่ (พล.. เปรม ติณสูลานนท์ 2550) กล่าวว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยมีพระราชกระแสรับสั่งถึงการเปลี่ยน-แปลงของวรรณยุกต์ว่าเสียงจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เสียงโทกลายเป็นเสียงตรี เสียงตรีกลายเป็นเสียงจัตวา เลยทำให้ฟังดูแปลก  ทั้งนี้ได้มีผู้รู้อาทิ  สุนีย์ สินธุเดชะ (
2552) ตั้งข้อสังเกตว่าปัญหาการใช้ภาษาไทยของเด็กที่พบมากในปัจจุบันคือ การพูดเสียงเพี้ยน และนิพิฏฐ์ อิทรสมบัติ (2553) ได้ให้ข้อสังเกตว่า กระทรวงวัฒนธรรมเผยผลสำรวจร้อยละ 60.3 พบว่าวัยรุ่นเป็นผู้ใช้ภาษาไทยที่แย่ที่สุด ซึ่งทั้งหมดเป็นการสังเกตโดยอาศัยการฟัง


          ลองสังเกตการออกเสียงคำที่มีเสียงวรรณยุกต์โทของเด็กรุ่นใหม่คนนี้ดูนะคะ เช่น คำว่า ว่า”,“ก็”,"ชอบ" 

                       http://www.youtube.com/watch?v=ccZask45DTY

                       http://www.youtube.com/watch?v=t_dZUFqARKQ

 
             หลังจากได้ลองฟังเสียงแล้ว รู้สึกแปลกหูกันบ้างไหมคะ เพราะมีผู้สังเกตเห็นว่า เด็กรุ่นใหม่ในปัจจุบันออกเสียงวรรณยุกต์โท เป็นเสียงลอยคล้ายเสียงวรรณยุกต์ตรี ต่างไปจากเสียงวรรณยุกต์โทแบบเดิมของผู้ใหญ่ งานวิจัยที่เกี่ยวข้องต่อไปนี้มีจุดประสงค์เพื่อตอบคำถามว่าวรรณยุกต์โทของผู้พูดภาษาไทยกรุงเทพฯ มีการแปรตามอายุของผู้พูดหรือไม่ และถ้ามีลักษณะของการแปรจะเป็นอย่างไร

             งานวิจัยช่วงต้นถึงกลางศตวรรษที่ 20
             ต้นศตวรรษ
·       Bradley 1911         (กลสัทศาสตร์)
·       Daniel Jones 1928  (โสตสัทศาสตร์)
     ผลการศึกษาของงานทั้งสองชิ้นนี้คล้ายคลึงกัน คือ วรรณยุกต์ในภาษาไทยพบว่ามี 5 วรรณยุกต์ และจัดให้วรรณยุกต์โทเป็นวรรณยุกต์เปลี่ยนระดับ (gliding tone) และมีลักษณะทางสัทศาสตร์ของวรรณยุกต์โท กลาง-ตก [31]


                 กลางศตวรรษ
·       Henderson 1949  (โสตสัทศาสตร์)
     ลักษณะทางสัทศาสตร์ของวรรณยุกต์โทมีลักษณะเป็น สูง-ตก [51]
·       Abramson 1962    (กลสัทศาสตร์)
     ลักษณะทางสัทศาสตร์ของวรรณยุกต์โทมีลักษณะเป็น สูง-ตก [451]
จะเห็นว่า ลักษณะทางสัทศาสตร์ของวรรณยุกต์โททั้งสองงานนี้คล้ายคลึงกัน จึงจัดให้ลักษณะทางสัทศาสตร์ของวรรณยุกต์โทเป็น สูง-ตก [451] 
 DOWNLOAD

                      งานวิจัยช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ถึงปัจจุบัน
·       Henderson 1982    (โสตสัทศาสตร์)
      เป็นการศึกษาครั้งที่สองของ Henderson เพื่อเปรียบเทียบลักษณะทางสัทศาสตร์ของวรรณยุกต์ในภาษาไทยมาตรฐานระหว่างครึ่งศตวรรษแรกกับหลัง พบว่า ในเด็กรุ่นใหม่วรรณยุกต์โทมีเสียงตกน้อยลงกว่าเดิม กลายเป็น สูง-ตก [52]

·       อรุณี 1986/ 2529     (โสตสัทศาสตร์ *คำพูดต่อเนื่อง)
       ผู้วิจัยพบว่า วรรณยุกต์โทมีลักษณะเสียง กลาง-ขึ้น-กลาง [343] หรือ เป็นเสียงลอย (เสียงลอย คือ เสียงวรรณยุกต์หลายเสียงที่มีลักษณะไม่ขึ้นหรือตกอย่างชัดเจนแบบเดียวกันทั้งหมด)  
     จะเห็นได้ว่า งานวิจัยสองชิ้นข้างต้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 นี้  วรรณยุกต์โทท้ายเสียงจะเป็นเสียงลอยเช่นเดียวกัน

·       ปิยฉัตร  1991          (กลสัทศาสตร์)
    Potisuk et al  1994
       ผณินทรา  2000  
     อ้างถึงใน DOWNLOAD
       วิไลลักษณ์  2000
     Moren B. Zsiga  2006
        DOWNLOAD
       งานวิจัยช่วงหลังมีลักษณะทางสัทศาสตร์ของเสียงวรรณยุกต์โทเป็น สูง-ตก แต่สังเกตได้ว่า ลักษณะของเสียงจะตกน้อยลงกว่าเดิม  

·    Pittayawat (2007)
        อธิบายกลไกที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทางของวรรณยุกต์โท ในงาน “Directionality Of Tone Change” ได้ข้อสรุปว่า
         1. จุดเริ่มต้นเสียง (0nset) มีทิศทางเลื่อนขึ้นจากระดับกลางไประดับสูง (mid   to high) ในช่วง 1908 (Bradley) กับช่วง 1962 (Abramson) ตรงกับกลไกในภาพ (d)
          2. ระหว่าง 1979 (Abramson) และ 2004 (Moren B. Zsiga) จุด peak ได้เปลี่ยนจากตำแหน่งต้นไปยังตำแหน่งกลางของ rime (beginning to middle of the rime)อธิบายได้ว่าเกิด mechanism of peak sliding ภาพ(c)
       DOWNLOAD

  
เราเห็นได้ว่า งานวิจัยต่างๆเหล่านี้ช่วยตอบคำถามว่ามีการแปรของเสียงวรรณยุกต์โทในภาษาไทยกรุงเทพฯ ที่พูดโดยกลุ่มวัยรุ่นขึ้นจริง  ดังนั้น จึงน่า
มี
การศึกษาเช่นเดียวกันนี้อีกอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะตอบคำถามและข้อสังเกตของ
นักวิชาการหลายท่านที่ว่า "เสียงวรรรยุกต์โทยังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ในปัจจุบัน"











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น